ข่าวสารในวงการอสังหาริมทรัพย์ คอนโด บ้าน ทาวเฮ้าส์ ทาวน์โฮม ที่ดิน ทำเล โครงการ แบบเจาะลึก
แรบบิท โฮลดิ้งส์ ในกลุ่ม บีทีเอส กรุ๊ปฯ ผนึกกำลังพันธมิตรใหญ่ จับมืออนันดาฯเปิดตัวเวิลด์คลาสเรสซิเดนซ์ THE RESIDENCES 38 โดยมี ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด เป็นผู้บริหารงานลักชัวรี่เซอร์วิส เรสซิเดนซ์ La Clef Bangkok by The Crest Collectionบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนในโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38 ) โครงการระดับ World Class Residence ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของประเทศไทย ติดกับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ ใจกลางกรุงเทพฯ ประกาศแต่งตั้ง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารโครงการตั้งแต่การก่อสร้าง การพัฒนาโครงการ การวางแผนด้านการขาย และการตลาดทั้งหมดของโครงการ พร้อมแต่งตั้ง ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด เป็นผู้บริหารงานเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ La Clef Bangkok by The Crest Collection ซึ่งเป็นเซอร์วิส เรสซิเดนซ์หรูระดับสูงสุดของแอสคอทท์ ถือเป็นการผนึกพันธมิตรครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นการต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจ รวมทั้งเสริมศักยภาพในการขยายธุรกิจให้แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนในอนาคตนายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และกรรมการ บริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) เป็นการลงทุนโดย แรบบิท โฮลดิ้งส์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในธุรกิจบริหารและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรที่โดดเด่นทางกลยุทธ์ทั้งด้านแบรนด์และการตลาด ถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่เหลือของปี 2566 จะเผชิญกับความท้าทาย แต่ยังมีปัจจัยบวกอยู่อีกมากโดยเฉพาะการกลับเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติในกลุ่มคอนโดมิเนียม จากการเริ่มฟื้นตัวของสภาพตลาด แรบบิท โฮลดิ้งส์ จึงได้ดำเนินการพัฒนาโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) ภายใต้การให้บริการของผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีความเชี่ยวชาญและความเป็นมืออาชีพโดยมีการลงนามแต่งตั้งบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารโครงการตั้งแต่การก่อสร้าง การพัฒนาโครงการ การวางแผนการขายและการตลาดทั้งหมดของโครงการ สำหรับความร่วมมือกับอนันดาฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยเพิ่มศักยภาพการพัฒนาธุรกิจของแรบบิท โฮลดิ้งส์ อีกทั้งยังช่วยขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศจากเครือข่ายลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายของอนันดาฯ ทั้งนี้ แรบบิท โฮลดิ้งส์ ยังได้แต่งตั้งให้ ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด เป็นผู้บริหารงานเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ La Clef Bangkok by The Crest Collection ซึ่งเป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์หรูระดับสูงสุดของแอสคอทท์แบรนด์ The Crest Collection เปิดตัวครั้งแรกในปี 2559 ที่ประเทศฝรั่งเศส ประกอบด้วยพอร์ตโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์และมีเอกลักษณ์โดดเด่น เปิดให้บริการไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน The Crest Collection มาพร้อมกับแนวคิด “หลังประตูทุกบานมีเรื่องราว” ด้วยการมอบประสบการณ์ที่หรูหราและไม่ซ้ำใครแก่แขกผู้เข้าพัก ผ่านการตกแต่งที่แฝงไปด้วยประวัติความเป็นมาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ในแต่ละแห่งสำหรับการเปิดตัวแบรนด์คอลเลกชันในประเทศไทย La Clef Bangkok by The Crest Collection ประกอบด้วยห้องพัก 115 ยูนิต ตั้งแต่ห้องพักแบบสตูดิโอไปจนถึงอพาร์ทเมนท์สองห้องนอน ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการผสมผสานวัฒนธรรมไทย เข้ากับมรดกทางวัฒนธรรมของฝรั่งเศส โครงการนี้ยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สระว่ายน้ำ ออนเซ็น เลานจ์ และฟิตเนสเซ็นเตอร์ รวมถึงบริการอื่นๆ ที่ครบครัน เช่น บริการทำความสะอาด บริการซักรีด และบริการเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ บริเวณโดยรอบยังสามารถเข้าถึงศูนย์การค้า ศูนย์กลางความบันเทิงต่างๆ และโรงพยาบาลชั้นนำได้อย่างสะดวกสบายนายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้อนันดาฯ มีแผนเปิดตัว Business Line ใหม่ ซึ่งจะดำเนินงานในรูปแบบของ Professional Services and Management Consultancy รับดำเนินงานบริหาร และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Total Solutions ซึ่งปัจจุบันได้รับความไว้วางใจจากแรบบิท โฮลดิ้งส์ เพื่อบริหารและพัฒนาโครงการเดอะ เรสซิเดนเซส 38 (THE RESIDENCES 38) โครงการระดับ World Class ตั้งอยู่บนทำเลที่ดีที่สุดของประเทศไทย ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 38 ติดรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีทองหล่อ พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยในรูปแบบ Ultra luxury Residence จำนวน 36 ชั้น และชั้นลอย 1 ชั้น โดยชั้น 12 – 23 พัฒนาเป็นเซอร์วิสเรสซิเดนซ์แบบลักชัวรี่ 115 ยูนิต La Clef Bangkok by The Crest Collection บริหารโดย ดิ แอสคอทท์ ลิมิเต็ด ในขณะที่ชั้นบนตั้งแต่ชั้น 24 – 36 เป็นคอนโดมิเนียมที่พักอาศัยจำนวน 56 ยูนิต รูปแบบห้องพักคอนโดมิเนียมมีตั้งแต่ 1 Bedroom ไปจนถึง เพนท์เฮ้าส์ (Penthouse) ซึ่งจะเป็นที่สุดของความร่วมมือสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแบบ Residence ของประเทศไทย
RML จัดแคมเปญ ‘Limited Edition’ โอกาสสุดท้ายกับการจับจองยูนิตพิเศษ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’เริ่มเพียง 11.59 ล้านบาทเท่านั้น ถึง 31 มีนาคม นี้RML (บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน) ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ ประเดิม ไตรมาสแรกของปีมังกร จัดแคมเปญพิเศษ ‘Limited Edition’ รับตรุษจีน-วาเลนไทน์ เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้สัมผัสที่สุดของการใช้ชีวิตอย่างแตกต่างใจกลางสาทรได้ง่ายยิ่งขึ้น กับ คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมอยู่ เลี้ยงสัตว์ได้ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ (Tait Sathorn 12)’ ที่คัดสรรยูนิตสวย 1-2 ห้องนอน มอบราคาพิเศษ เริ่มต้นเพียง 11.59 ล้านบาท วันนี้ - 31 มีนาคม นี้เท่านั้นนายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RML เปิดเผยว่า “ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับลักชัวรี่และ อัลตร้าลักชัวรี่ในไตรมาส 1 ปี 2567 ยังไปได้สวย ดีมานด์ยังคึกคัก โดยตลาดคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่มีความต้องการซื้ออยู่มากจากลูกค้าที่นิยมซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในโซน CBD อย่าง สีลม สาทร เป็นทำเลที่ยอดฮิตตลาดกาล เพราะเต็มเปี่ยมไปด้วยความสะดวกสบาย รายล้อมด้วยไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม โดยปัจจุบันที่ดินบนทำเลนี้หายากมากแล้ว และมีแนวโน้มที่จะไม่มีโครงการอสังหาฯ ใหม่พัฒนาขึ้นอีกระยะหนึ่ง จึงส่งผลให้คอนโดฯ ลักชัวรี่ พร้อมอยู่ของ RML อย่าง ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เราจึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะตอบสนองลูกค้ากลุ่มเรียลดีมานด์ที่รอจับจองโครงการคุณภาพนี้ จึงได้จัดแคมเปญใหม่ล่าสุดเพื่อเป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ให้กับผู้ที่สนใจ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะเร่งการตัดสินใจของลูกค้าได้ และทำให้เราสามารถปิดการขายโครงการได้ 100% ภายในครึ่งปีแรกของปี’67 นี้อย่างแน่นอน”ด้านนายหฤษฏ์ ลักษณะโยธิน เกิดทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ผู้บริหารฝ่ายการตลาด RML กล่าวว่า “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์ เป็นโครงการคอนโดฯ ลักชัวรี่ใจกลางสาทรที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากนับตั้งแต่ยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการเนื่องจากได้รับการพัฒนาด้วยแนวคิด และการออกแบบที่แตกต่างจากโครงการอื่นที่แวดล้อมอย่างชัดเจน จนได้รับรางวัลการันตี 3 ปีซ้อน ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 98% และมีโควต้าลูกค้าชาวต่างชาติไปแล้ว 45% ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อโครงการเพื่ออยู่เอง 60% และซื้อไว้เพื่อลงทุน 40% โดยแคมเปญพิเศษ ‘Limited Edition’ ที่เราจัดขึ้นนี้ เราคัดสรรยูนิตพิเศษเพียงไม่กี่ยูนิต ประกอบด้วยยูนิตแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 40 – 68 ตร.ม และ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย ตั้งแต่ 70 - 120 ตร.ม. ที่มาพร้อมกับราคาที่น่าตื่นเต้นที่สุด เริ่มเพียง 11.59 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ หรือลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านสาทรที่จะคว้าสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของคอนโดฯ ลักชัวรี่ใหม่ พร้อมอยู่ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ ไว้”
ปูนซีเมนต์นครหลวง ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนในงานมหกรรมนวัตกรรมใหญ่ที่สุดของภาคใต้ ‘SITE 2024’ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดมหกรรมนวัตกรรมใหญ่ที่สุด ของภาคใต้ Southern Innovation and Technology Expo (SITE2024) งานที่รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำ ด้านพลังงาน ดิจิทัล อาหารและการเกษตร และสุขภาพแบบครบวงจร โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางสาวพิมพ์ภัทนา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงานภายในงานนี้ ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้ร่วมจัดตั้งบูธนิทรรศการภายใต้คอนเซ็ปต์ “นวัตกรรมปูนซีเมนต์รักษ์โลก” นำเสนอนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงเชื้อเพลิงทางเลือก ซึ่งเป็นเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573 และความมุ่งมั่นดำเนินงานขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทฯนอกจากนั้นยังมีการบรรยายแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในหัวข้อ ‘Green Cement for Greener Future’ โดยนายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และนางสาวสุจินตนา วีระรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทั้งด้านการถ่ายทอดนวัตกรรม เทคโนโลยี และเรื่องราวความสำเร็จของกลุ่มบริษัทฯ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13:00 - 13:45 น. ณ เวที Convention Hall
อนันดาฯ ส่งแคมเปญแรก “ANANDA URBAN JOY” รับปี 2567 ขน 26 โครงการทำเลเมือง ใกล้รถไฟฟ้า พร้อมอยู่ กับดีลสุดจอยรับเงินคืนสูงสุด 1 แสนบาท รับโบนัส 3 ต่อ สูงสุด 4 ล้านบาท*บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เดินเครื่องปลุกกำลังซื้อตั้งแต่ต้นปี เสนอทางเลือกที่คุ้มค่าให้แก่ลูกค้า กับแคมเปญ “ANANDA URBAN JOY” รวบรวม 26 โครงการคุณภาพบนทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ได้แก่ 14 โครงการคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าพร้อมอยู่ แต่งครบ ภายใต้แบรนด์ แอชตัน โคโค่ พาร์ค ไอดีโอ คิว ไอดีโอ โมบิ ไอดีโอ และ เอลลิโอ ดีลดีสุดพิเศษสำหรับคนเมือง อาทิ “รับเงินคืนสูงสุด 100,000 บาท* อยู่ฟรี สูงสุด 2 ปี” เริ่ม 2.09 - 16.99 ล้านบาท* และ 12 โครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ทำเลดีใกล้รถไฟฟ้า ภายใต้แบรนด์ อาร์เทล แอริ เอโทล อันดา เออร์บานิโอ และ ยูนิโอทาวน์ จัดดีลพิเศษสำหรับคนอยากมีบ้าน อาทิ “แถมรถฟรีทุกหลัง* รับโบนัส 3 ต่อ สูงสุด 4,000,000 บาท*” เริ่ม 2.39 - 35 ล้านบาท* ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2567 และพบกับกิจกรรมระหว่างวันที่ 27 - 28 มกราคม 2567 ณ สำนักงานขายทุกโครงการคุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2567 เชื่อว่ายังไปต่อได้ หากรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดี ส่วนในภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติยังคงมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ประกอบการต้องเร่งทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างเต็มที่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อและเร่งการตัดสินใจของผู้บริโภค อนันดาฯ ในฐานะผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าที่มีสินค้าพร้อมอยู่บนทำเลที่ดีที่สุด และมากที่สุด พร้อมตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง จึงได้จัดแคมเปญรับปี 2567 กับ “ANANDA URBAN JOY” ซึ่งเป็นแคมเปญการตลาดที่มอบโอกาสให้ทุกคนได้มีที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ โดยรวบรวม 26 โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพพร้อมอยู่ ทั้งคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าพร้อมอยู่ แต่งครบ บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมพร้อมอยู่ ทำเลดีใกล้รถไฟฟ้า ครอบคลุมทุกความต้องการบนทำเลศักยภาพต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในแต่ละโซนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย และรองรับดีมานด์ลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเป็นการช่วยกระตุ้นตลาดภาคอสังหาฯ ให้กลับมาคึกคักในช่วงต้นปีอีกด้วยคุณพงศ์อนันต์ สุขเกษม ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาอนันดาได้ออกแบรนด์ดิ้งแคมเปญ “I LOVE URBAN LIFE” ส่งต่อพลังบวกให้คนเมือง ตอกย้ำแบรนด์ที่อยู่อาศัยของคนเมือง และในปีนี้เราได้ต่อยอดสิ่งดีๆ ให้กับคนเมืองด้วยแคมเปญ “ANANDA URBAN JOY” เริ่มแล้วกับดีลสุด JOY นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ให้กับผู้ที่สนใจซื้อที่อยู่อาศัยทำเลเมืองใกล้รถไฟฟ้า ด้วย 3 แกนหลัก 1. JOY NOW รับโปรโมชั่นสุดพิเศษ แต่งครบ กู้ง่าย รับเงินคืน พร้อมใช้ชีวิตได้ทันที 2. JOY EVERYDAY สัมผัสบรรยากาศจริงก่อนตัดสินใจซื้อได้ทุกวัน ทุกโครงการ พร้อมกิจกรรมเอาใจคนเมืองในวันที่ 27-28 มกราคม นี้ 3. JOY ON TOUR กับ ANANDA RealView รายการออนไลน์ใหม่ นำเสนอกิจกรรมดีๆ สำหรับคนเมืองและรีวิวโครงการแบบเรียลๆ พาชมโครงการทุกซอกทุกมุม กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สุดคูลมาร่วม JOY ได้ทั้ง 26 โครงการพร้อมอยู่ของอนันดาฯ
ออริจิ้น กวาดยอดขายบ้าน-คอนโดปี 2566 All Time High 47,265 ล้าน โตทะลุเป้า คอนโด Pet Lover และตลาดฝั่งธน-ต่างจังหวัดชูโรง สร้างยอด Sold Outออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ทำสถิติ All Time High กวาดยอดขายบ้าน-คอนโดปี 2566 กว่า 47,265 ล้าน ทะลุเป้าหมายทั้งปีที่ 45,000 ล้าน คิดเป็น 105% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ และโตจากปีก่อน 15% ตอกย้ำสถานะผู้นำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังกลุ่มคอนโด Pet Lover-โครงการฝั่งธน-ต่างจังหวัด ตอบโจทย์ผู้บริโภคหลากเซ็กเมนท์ หนุนยอดระดับ Sold Out ด้านปี 2567 เตรียมแผนเจาะตลาดเซ็กเมนท์ใหม่และเซ็กเมนท์ที่กำลังซื้อยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง บริษัทระดับมหาชนในเครือเตรียมทยอยประกาศแผนธุรกิจต่อเนื่อง ม.ค.-มี.ค.นี้นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมปี 2566 ที่ผ่านมา (ม.ค.-ธ.ค.2566) บริษัทมียอดขาย (Presales) จากโครงการที่อยู่อาศัย อยู่ที่ประมาณ 47,265 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายทั้งปีที่ 45,000 ล้านบาท คิดเป็น 105% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาประมาณ 15% พร้อมทั้งทำสถิติยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High) อีกครั้ง โดยจากยอดขายดังกล่าว แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียม 34,704 ล้านบาท หรือราว 73% และยอดขายจากโครงการบ้านจัดสรรภายใต้บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) 12,561 ล้านบาท หรือประมาณ 27% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วนยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) ประมาณ 53% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) อีกราว 47%“การบุกตลาดคอนโดมิเนียมสำหรับ Pet Lover อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในทำเลใหม่ๆ ที่ยังเป็น Blue Ocean ไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้มาก่อน ถือเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายของเราให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสะท้อนว่าแนวโน้มคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองมีความต้องการเลี้ยงสัตว์ในคอนโดสูงขึ้น ขณะเดียวกัน เรายังสามารถขับเคลื่อนแผน Origin Infinity กวาดยอดขายจากโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมในทำเลใหม่ๆ เช่น ฝั่งธนบุรี และพื้นที่จังหวัดเศรษฐกิจสำคัญทั่วประเทศ ได้อย่างต่อเนื่อง ในหลายโครงการในต่างจังหวัดได้รับการตอบรับที่ดีมาก เช่น ภูเก็ต และ ขอนแก่น” นายพีระพงศ์ กล่าวสำหรับโครงการเปิดใหม่ปี 2566 ที่ได้รับการตอบรับดี จนสามารถปิดการขายหรือ Sold Out ได้หลังเปิดขาย ได้แก่ โซ ออริจิ้น ศิริราช (So Origin Siriraj) ออริจิ้น เพลส เพชรเกษม (Origin Place Phetkasem) ออริจิ้น เพลส พหล 59 สเตชั่น (Origin Place Phahol 59 Station) และ ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต (The Origin Centre Phuket) โดยแต่ละโครงการมีความโดดเด่นทั้งด้านศักยภาพทำเล ฟังก์ชันที่โดดเด่น ราคาที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งในทำเลเดียวกัน ขณะเดียวกัน ช่วงไตรมาส 4/2566 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น บริษัทได้เปิดโครงการใหม่เพิ่มเติมอีก 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,040 ล้านบาท โดยแต่ละโครงการได้รับการตอบรับที่ดีส่งท้ายปี และคาดว่าจะช่วยเพิ่มแบ็คล็อคเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 1/2567 ได้อย่างต่อเนื่องนายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 นั้น มียังมีปัจจัยภายนอกที่ต้องจับตาหลายเรื่อง อาทิ ภาพรวมเศรษฐกิจโลก สถานการณ์เศรษฐกิจจีน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภาวะหนี้ครัวเรือน หลายประเด็นอาจส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่งผลให้ภาพรวมการเปิดตัวโครงการใหม่ของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกรายในปีนี้ น่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อเทียบกับ 1-2 ปีก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ออริจิ้น ยึดหลัก 4 อย่างในการก้าวผ่านความท้าทายเหล่านี้ ได้แก่ 1.ทำเลต้องดี เลือกทำเลที่มีความต้องการซื้อจริง เน้นเฉพาะทำเลใกล้รถไฟฟ้า เส้นทางคมนาคมสายหลัก ใกล้สถานที่สำคัญ 2.เซ็กเมนท์ต้องแตกต่าง เลือกเซ็กเมนท์ที่คู่แข่งไม่มาก แต่มีกำลังซื้อแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโต เช่น เซ็กเมนท์สำหรับ Pet Lover และ กลุ่มนักลงทุน Investment Program 3.ฟังก์ชันต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ เน้นฟังก์ชันที่ใช้งานได้จริง และ 4.ใน 1 โครงการต้องตอบโจทย์ลูกค้าได้หลายกลุ่ม เช่น โครงการคอนโด Pet Lover ไม่ได้ขายเฉพาะคนเลี้ยงสัตว์ มีแยกตึกหรือแยกชั้น เพื่อขายทั้งคนเลี้ยงสัตว์และไม่เลี้ยงสัตว์ หลายโครงการต้องพัฒนาเป็นมิกซ์โปรดักท์ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าที่มีกำลังซื้อหลากหลาย หลายโครงการทำเป็นมิกซ์ยูส เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบวงจร หลายโครงการต้องตอบโจทย์ทั้งผู้ซื้ออยู่เองและซื้อลงทุนระยะยาว“ความท้าทายหลายอย่างไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นในปีนี้ แต่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์มาแล้วว่ากลุ่มบริษัทสามารถปรับกลยุทธ์รวดเร็วช่วยให้เราก้าวผ่านทุกความท้าทายในปี 2566 มาได้ ปี 2567 เราก็จะยังคงยึดหลักการดังกล่าวในการพิจารณาพัฒนาโครงการ ควบคู่กับการจับตาปัจจัยภายนอกอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ กับทุกสถานการณ์” นายพีระพงศ์ กล่าวทั้งนี้ บริษัทในเครือที่เป็นบริษัทมหาชน ได้แก่ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) และบริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) จะเตรียมทยอยประกาศแผนการดำเนินธุรกิจประจำปี 2567 ในช่วงไตรมาส 1/2567 นี้ โดย บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) น่าจะประกาศแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงเดือน มี.ค.2567
MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เผยการก่อสร้างโครงการเมืองต้นแบบธีมโปรเจ็กต์ “เดอะ ฟอเรสเทียส์” เดินหน้าทุกโครงการคืบหน้าไปมากกว่า 70% โดยสองโครงการแรก Whizdom Destinia และ Mytopia เสร็จสมบูรณ์พร้อมทยอยโอนให้ลูกบ้านแล้วตั้งแต่สิ้นปี 2566 ตามมาด้วยโครงการแบรนด์ต่าง ๆทยอยเสร็จพร้อมโอนตามแผนตั้งแต่ต้นปีนี้ ย้ำทุกโครงการจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมโอนยูนิตให้ลูกบ้านให้เข้าอยู่อาศัยได้ปี 2567โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ เป็นโครงการสร้าง ‘อาณาจักรป่ากลางเมือง’ ที่ต้องการให้ผู้อยู่อาศัย มีชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนมาใช้ในการพัฒนา โครงการ ประกอบไปด้วยระบบเทคโนโลยีการจัดการและบริหารพลังงาน ภายในตัวอาคาร อย่างระบบ Central Utility Plant (CUP) ระบบ Energy Management Unit (EMU) และ Energy Recovery Ventilator (ERV) รวมถึงผืนป่าขนาด 30 ไร่ พร้อมระบบนิเวศสมบูรณ์ภายในโครงการที่เสร็จ สมบูรณ์แล้ว 100% พร้อมรองรับการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตของคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ในทุกโครงการภายใน เดอะ ฟอเรสเทียส์ ด้วยประสบการณ์แห่งความสุขนายกิตติพันธุ์ อุยามะพันธุ์ ประธานผู้อำนวยการ โครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ โดย MQDC กล่าวว่า ขณะนี้ การก่อสร้างโครงการที่อยู่อาศัยภายในโครงการ The Forestias หลายโครงการคืบหน้าไปมาก ซึ่งโครงการที่พร้อมเริ่มโอนให้ลูกบ้านได้ตั้งแต่ต้นปีนี้ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ Whizdom 3 โครงการ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ มายโทเปีย (Whizdom The Forestias Mytopia), วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ เดสทิเนีย (Whizdom The Forestias Destinia) และ วิสซ์ดอม เดอะ ฟอเรสเทียส์ เพทโทเปีย (Whizdom The Forestias Petopia) ตามลำดับ ทั้งนี้ 3 โครงการแรกดังกล่าว แต่ละโครงการได้รับการออกแบบภายใต้คอนเซปต์ที่แตกต่างกัน เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันโดยโครงการ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ วิลล่า (Mulberry Grove The Forestias Villas) ซึ่งเป็นคลัสเตอร์โฮม พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์เพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของครอบครัวใหญ่ หลายเจเนอเรชันอย่างมีความสุข และ มัลเบอร์รี่ โกรฟ เดอะ ฟอเรสเทียส์ คอนโดมิเนียม (Mulberry Grove The Forestias Condominiums) มีการก่อสร้างคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วกว่า 70% คาดว่า พร้อมทยอยโอนให้กับลูกบ้านได้ภายในไตรมาสแรกของปีนี้นายกิตติพันธุ์ กล่าวอีกว่า โครงการที่ร่วมมือกับ Baycrest สถาบันการดูแลสุขภาพคนวัยอิสระ ซึ่งเป็นสถาบันดูแลสุขภาพชั้นนำของโลกจากแคนาดา มาร่วมออกแบบที่อยู่อาศัย พร้อมระบบต่างๆ เพื่อรองรับผู้อยู่อาศัยวัย 50+ หรือวัยอิสระ ให้กับ ดิ แอสเพน ทรี เดอะ ฟอเรสเทียส์ (The Aspen Tree The Forestias) ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปถึง 70% ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วเช่นกัน คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดพร้อมโอนได้ในเดือนเมษายนปี 2567“โครงการ ดิ แอสเพน ทรี เป็นที่อยู่อาศัยคอนเซปต์ใหม่ของโลก ที่เน้นการดูแลตลอดชีวิต หรือ Lifetime Care จึงต้องการให้ผู้สนใจได้สัมผัสประสบการณ์จริง ซึ่ง Independent Living Community นี้ จะเน้นสร้างให้เสร็จสมบูรณ์แล้วจึงเปิดขายอย่างเป็นทางการ เนื่องจากการตัดสินใจหลักของผู้ซื้อ จะเน้นไปที่มาตรฐานการดูแล และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายในโครงการ จึงจะพร้อมเปิดชมภายในโครงการจริงในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป” นายกิตติพันธุ์ กล่าวขณะเดียวกัน โครงการแบรนด์ระดับโลกซิกส์เซนส์ (Six Senses) โครงการที่อยู่อาศัยหรูหราสไตล์รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ Six Senses ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับการบริหารโดย Six Senses ก็ก่อสร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์ คาดว่าพร้อมทยอยโอนให้กับลูกบ้านได้ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้นอกเหนือจากโครงการข้างต้น เดอะ ฟอเรสเทียส์ ยังได้เริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่เพิ่งเปิดตัวใหม่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา อย่าง “The Forestias Signature Series” (เดอะ ฟอเรสเทียส์ ซิกเนเจอร์ ซีรีส์) ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทยอยพร้อมโอนให้กับลูกบ้านได้ในปี 2568พร้อมกันนี้ ยังมี Happitat at The Forestias (แฮปปี้แทท แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์) ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ เดอะ ฟอเรสเทียส์ บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร รองรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกวัยได้ครบจบในที่เดียว เป็น “จุดหมายแห่งใหม่ของความสุขเหนือจินตนาการ” (The New Themed Destination of Happiness) เพื่อให้ทุกคนทุกวัยได้มาใช้ชีวิตและทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดจนสัมผัสการช็อปปิ้งแบบไร้รอยต่อทั้งในโลกจริงและโลกดิจิทัล เพราะเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำในคอนเซปต์พิเศษกว่า 300 ร้านค้า รวมทั้งมีแบรนด์แฟชั่นและแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชั้นนำอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งการเฉลิมฉลองความสุขในทุกเทศกาล โดยจะทำงานร่วมกับศิลปินทั้งในระดับประเทศและระดับโลก รวมถึงการนำความบันเทิงในระดับเวิลด์คลาสเข้ามาจัดแสดงเพื่อตอกย้ำภาพเดสติเนชันของความสุขเหนือจินตนาการให้สมบูรณ์แบบ “Happitat at The Forestias มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จ 70% รวมทั้ง The Hilltop Offices พื้นที่ออฟฟิศให้เช่า ที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน มีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วเสร็จ 60% และจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้บริการในเดือนกันยายนปีนี้”
แสนสิริ ลุยต่อ Q4 กับโปรฯ“มหึดีล ลดมหึมา”ตั้งเป้าสร้างยอดขาย 5,000 ล้านบาทพร้อมประกาศความสำเร็จงาน Museum of YOU ลูกค้าให้การตอบรับดีแสนสิริ ชื่อนี้ไม่มีแผ่ว! สร้างปรากฏการณ์ใหม่แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทยต่อเนื่อง ล่าสุดกับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในรอบ 4 ปี ที่งาน ‘Museum of YOU’ ที่สยามพารากอน ประสบความสำเร็จสร้างยอดขายสอดคล้องกับเป้าที่ตั้งไว้อยู่ที่ราว 3,500 ล้านบาท โดยเฉพาะ Via ARI (เวีย อารีย์) คอนโดลักซ์ชัวรี่ใหม่ล่าสุดจากแสนสิริใจกลางอารีย์ กับภาพการต่อคิวจองซื้อภายในงาน พร้อมเดินหน้าต่อไตรมาส 4 กับโปรโมชั่นแคมเปญสุดยิ่งใหญ่ “มหึดีล ลดมหึมา” วางเป้าสร้างยอดขายรวม 5,000 ล้านบาท จัดทัพบ้าน คอนโดและทาวน์โฮม กว่า 70 โครงการ กับข้อเสนอสุดพิเศษมอบส่วนลดสูงสุดถึง 7 ล้านบาท* หลังเล็งเห็นดีมานด์ลูกค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง สืบเนื่องจากความสำเร็จของงาน ‘Museum of YOU’ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยโปรฯ “มหึดีล ลดมหึมา” จะจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน – 30 ธันวาคม 2566แสนสิริคัดสรรกว่า 70 โครงการคุณภาพ ภายใต้แคมเปญโปรฯ “มหึดีล ลดมหึมา” เพื่อตอบรับดีมานด์ลูกค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องให้มีที่อยู่อาศัยได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็น บ้านและทาวน์โฮม 55 โครงการ อาทิ บุราสิริ วัชรพล บ้านตัวอย่างแต่งครบ หลังสุดท้าย ลดสูงสุด 7 ล้าน* เริ่ม 22.9 ล้านบาท*, สราญสิริ พระราม 2 บ้านเดี่ยว ดีไซน์ MODERN FARMHOUSE เพียง 5 นาทีถึงทางด่วน ลดสูงสุด 5 แสน* เริ่ม 7.99 ล้านบาท*, อณาสิริ ชัยพฤกษ์ – วงแหวน บ้านฟังก์ชันครบ ติดถนนใหญ่ ลดสูดสุด 8 แสน* เริ่ม 4.79 ล้านบาท*, สิริ เพลส วงแหวน - ลำลูกกา ทาวน์โฮมฟังก์ชันครบ ใกล้ทางด่วน ลดสูงสุด 5 แสน* เริ่ม 2.39 ล้านบาท* และ สิริ เพลส พัฒนาการ ทาวน์โฮมสไตล์ปารีส ใกล้ห้างและสนามบิน ลดสูงสุด 3 แสน* เริ่ม 3.49 ล้านบาท*พร้อมกันนี้ยังมีโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเข้าร่วมอีก 18 โครงการ อาทิ เอ็กซ์ที พญาไท คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้ BTS พญาไท 600 เมตร ลดสูงสุดกว่า 1 ล้าน* พิเศษ 4.99 ล้านบาท*, เดอะ เบส เพชรบุรี - ทองหล่อ เพียง 2 นาที จากทองหล่อ ลดสูงสุดกว่า 6 แสน* พิเศษ 3.99 ล้านบาท* และเดอะ มูฟ บางแค เพียง 190 เมตร จาก MRT บางแค* ลดสูงสุด 3 แสน* พิเศษ 1.75 ล้านบาท*พิเศษยิ่งกว่า! แสนสิริเตรียมคิกออฟโปรฯ “มหึดีล ลดมหึมา” ยกทัพคอนโดและทาวน์โฮม 43 โครงการ ร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 2-5 พฤศจิกายนนี้ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จัดเต็มข้อเสนอสุดพิเศษ คุ้มยิ่งกว่าเมื่อจองในงาน จองคอนโด รับฟรีส่วนกลางสูงสุด 10 ปี* ลุ้นรับ iPhone 15 Pro Max ทุกวัน* หรือสิริ เพลส ทาวน์โฮมพร้อมอยู่ จอง 999 บาท* ลดสูงสุด 600,000 บาท* และรับ iPhone 15 Pro Max ทุกยูนิต*
SHR ในเครือ สิงห์ เอสเตท แต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ สานต่อการขยายธุรกิจ เน้นเติบโตอย่างยั่งยืนทั่วโลกกรุงเทพฯ 27 ตุลาคม 2566 – บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ “SHR” ผู้นำด้านธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ในเครือ สิงห์ เอสเตท ประกาศแจ้งการลาออกของนายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ จากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) พร้อมทั้งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแต่งตั้ง นายไมเคิล มาร์แชล ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไปนายไมเคิล มาร์แชล เข้ามานำทัพเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศในทุกมิติและเสริมสร้างศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนของ SHR โดยมุ่งเน้น 5 ส่วนสำคัญ ได้แก่การขยายพอร์ตโฟลิโอของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทในเครือทั่วโลก โดยเน้นการพัฒนาแบรนด์ของบริษัทและจับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์และยั่งยืน เพื่อเชื่อมโยงแขกผู้เข้าพักเข้ากับธรรมชาติและวัฒนธรรมท้องถิ่นการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ธุรกิจที่น่าเชื่อถือ ขยายโอกาสการร่วมลงทุนเพื่อเร่งการเติบโตและการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพการกำหนดรูปแบบพอร์ตโฟลิโอใหม่ สำหรับธุรกิจโรงแรมของบริษัทในปี 2567 และในปีต่อ ๆ ไปการดำเนินกลยุทธ์หมุนเวียนสินทรัพย์ เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างเข้มแข็งและมั่นคงในอนาคตในนามบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ขอแสดงความขอบคุณ นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า เดอ คุยเปอร์ หลังเข้ารับตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2558 และเป็นส่วนสำคัญในการสร้างการเติบโตและผลกำไรให้กับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท ในช่วงที่ผ่านมาในส่วนของการเข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของนายไมเคิล มาร์แชล นั้น จะสานต่อแนวทางการดำเนินธุรกิจของ SHR ตามวิสัยทัศน์ที่ได้ถูกวางรากฐานเอาไว้ตามนโยบายของบริษัทฯ พร้อมทั้งพัฒนาและแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจควบคู่ไปกับการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนและต่อเนื่องในระดับโลก